Wednesday 17 July 2013
การเรียนการสอน Teaching
การทดลองวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
เรื่อง ขวดเป่าลูกโป่ง
วัสดุอุปกรณ์
1. ขวดแก้วหรือขวดพลาสติก
2. ลูกโป่ง
3. เบกกิ้งโซดา 5 ช้อนโต๊ะ ( ผงฟู )
4. น้ำส้มสายชู
วิธีการทดลอง
1. ให้เด็กๆลองเป่าลูกโป่งให้ยืดออกก่อน
2. ให้เด็กใส่เบกกิ้งโซดา( ผงฟู )ลงในขวดแก้ว ประมาณ 5 ช้อนโต๊ะ
3. ใส่น้ำส้มสายชูลงในขวดแก้ว
4. จากนั้นครอบลูกโป่งลงบนปากขวด
วิธีการสอน (การจัดประสบการณ์ให้กับเด็กปฐมวัย)
1. เด็กๆ ค่ะ วันนี้ครูมี ลูกโป่ง ขวดแก้ว ผงฟู น้ำส้มสายชู เด็กๆคิดว่าครูจะนำมาทำอะไรเอ่ย (ให้เด็กๆคิดและช่วยกันตอบ)
1. ขวดแก้วหรือขวดพลาสติก
2. ลูกโป่ง
3. เบกกิ้งโซดา 5 ช้อนโต๊ะ ( ผงฟู )
4. น้ำส้มสายชู
วิธีการทดลอง
1. ให้เด็กๆลองเป่าลูกโป่งให้ยืดออกก่อน
2. ให้เด็กใส่เบกกิ้งโซดา( ผงฟู )ลงในขวดแก้ว ประมาณ 5 ช้อนโต๊ะ
3. ใส่น้ำส้มสายชูลงในขวดแก้ว
4. จากนั้นครอบลูกโป่งลงบนปากขวด
วิธีการสอน (การจัดประสบการณ์ให้กับเด็กปฐมวัย)
1. เด็กๆ ค่ะ วันนี้ครูมี ลูกโป่ง ขวดแก้ว ผงฟู น้ำส้มสายชู เด็กๆคิดว่าครูจะนำมาทำอะไรเอ่ย (ให้เด็กๆคิดและช่วยกันตอบ)
2. ครูแจกลูกโป่งให้เด็กคนละ 1 ลูก เด็กๆลองเป่าลูกโป่งซิค่ะ
3.
ขวดใบที่1 เด็กๆ เห็นขวดแก้วไหมค่ะ ถ้าครูลองเอาลูกโป่งมาครอบที่ปากขวด
ลูกโป่งจะพองขึ้นเหมือนกับที่เด็กๆเป่าลูกโป่งไหม (ให้เด็กสังเกต
แล้วบันทึกพร้อมวาดภาพ)
4. ขวดใบที่ 2 เด็กๆค่ะ ถ้าครูใส่ผงฟูและน้ำส้มสายชูลงไปในขวด จากนั้นครูเอาลูกโป่งมาครอบที่ปากขวด เด็กๆคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น
5.
เริ่มการทดลอง ครูใส่ผงฟูและน้ำส้มสายชูลงไปในขวด
จากนั้นครูเอาลูกโป่งมาครอบที่ปากขวด
(ให้เด็กๆสังเกตดูว่าลูกโป่งเริ่มขยายใหญ่ขึ้น พร้อมบันทึกและวาดภาพ)
6.
ครูถามเด็กๆ เด็กๆคิดว่าลูกโป่งขยายใหญ่ขึ้นเพราะอะไร
(เด็กตอบว่าเพราะในขวดมีลมทำให้ลูกโป่งใหญ่ขึ้น
เด็กเกิดการเชื่อมโยงจากสิ่งที่เด็กได้ลงมือกระทำในขั้นต้น)
ภาพการทดลอง
วัสดุ/อุปกรณ์ น้ำส้มสายชู ขวดแก้ว ลูกโป่ง ผงฟู |
เทผงฟูใส่ในขวดแก้ว 1 ซอง |
ใส่น้ำส้มสายชู |
นำลูกโป่งไปครอบที่ปากขวด |
สังเกต ลูกโป่งเริ่มพองขึ้น |
ลูกโป่งพองขึ้นเรื่อยๆ |
แนวคิด
เมื่อเบกกิ้งโซดาทำปฏิกิริยากับน้ำส้มสายชูจะเกิดเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้น ซึ่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้นมีน้ำหนักเบากว่าอากาศ ก๊าซจึงลอยสูงขึ้น เมื่อมีก๊าซมากๆก็จะดันลูกโป่งให้พองออกได้
เรามารู้จักก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กัน
เมื่อเบกกิ้งโซดาทำปฏิกิริยากับน้ำส้มสายชูจะเกิดเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้น ซึ่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้นมีน้ำหนักเบากว่าอากาศ ก๊าซจึงลอยสูงขึ้น เมื่อมีก๊าซมากๆก็จะดันลูกโป่งให้พองออกได้
เรามารู้จักก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กัน
คาร์บอนไดออกไซด์ (อังกฤษ: carbon dioxide) เป็นก๊าซในบรรยากาศ ซึ่งประกอบด้วยคาร์บอน 1 อะตอม และ ออกซิเจน 2 อะตอม ต่อหนึ่งโมเลกุล. คาร์บอนไดออกไซด์เป็นหนึ่งในสารประกอบเคมีที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด และมักเรียกด้วยสูตรเคมี CO2 เมื่ออยู่ในสถานะของแข็ง มักจะเรียกว่า น้ำแข็งแห้ง (dry ice)
คาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้นได้หลายลักษณะ เช่น ภูเขาไฟระเบิด การหายใจของสิ่งมีชีวิต หรือการเผาไหม้ของสารประกอบอินทรีย์ ก๊าซนี้เป็นวัตถุดิบสำคัญในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช เพื่อใช้คาร์บอนและออกซิเจนในการสังเคราะห์คาร์โบไฮเดรต จากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงนี้ พืชจะปล่อยก๊าซออกซิเจนออกมาสู่บรรยากาศ ทำให้สัตว์ได้ใช้ออกซิเจนนี้ในการหายใจ การใช้คาร์บอนไดออกไซด์ของพืชนี้เป็นการลดก๊าซเรือนกระจกลงได้ เนื่องจากคาร์บอนไดออกไซด์เป็นก๊าซหนึ่งที่เป็นสาเหตุของปรากฏการณ์เรือนกระจก
คุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมี
คาร์บอนไดออกไซด์เป็นก๊าซที่ไม่มีสี ซึ่งหากหายใจเอาก๊าซนี้เข้าไปในปริมาณมากๆ จะรู้สึกเปรี้ยวที่ปาก เกิดการระคายเคืองที่จมูกและคอ เนื่องจากอาจเกิดการละลายของแก๊สนี้ในเมือกในอวัยวะ ก่อให้เกิดกรดคาร์บอนิกอย่างอ่อน
คาร์บอนไดออกไซด์มีความหนาแน่น 1.98 kg/m3 ซึ่งเป็นประมาณ 1.5 เท่าของอากาศ โมเลกุลประกอบด้วยพันธะคู่ 2 พันธะ (O=C=O) ไม่ติดไฟและไม่ทำปฏิกิริยา
คาร์บอนไดออกไซด์จะกลายเป็นของแข็งที่มีสีขาวอุณหภูมิ -78 องศาเซลเซียส โดยไม่ผ่านการเป็นของเหลวก่อน หากต้องการทำให้คาร์บอนไดออกไซด์เป็นของเหลว ต้องใช้ความดันไม่น้อยกว่า 5.1 บรรยากาศ
คาร์บอนไดออกไซด์สามารถละลายน้ำได้ 1 เปอร์เซนต์ของสารละลายนั้นจะกลายเป็นกรดคาร์บอนิกซึ่งจะเปลี่ยนรูปเป็นไบคาร์บอเนตและคาร์บอเนตในภายหลัง
การทดสอบก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ สามารถทำได้ 2 วิธี คือ
1. นำธูปที่ติดไฟอยู่เข้าไปในหลอดทดลองที่มีคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ ไฟจะดับ เพราะคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ได้ช่วยในการติดไฟของสาร จึงนำมาใช้เป็นก๊าซดับเพลิงได้
2. ผ่านก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปในน้ำปูนใส (แคลเซียมไฮดรอกไซด์) น้ำปูนใสจะขุ่น เนื่องจากเกิดแคลเซียมคาร์บอเนตขึ้น
การใช้
คาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นของแข็งและของเหลวถูกใช้ในการแช่แข็ง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารขณะขนส่งไอศกรีมหรืออาหารแช่แข็ง นอกจากนี้ คาร์บอนไดออกไซด์แข็งที่เรียกกันว่าน้ำแข็งแห้ง ยังสามารถใช้เป็นห่อบรรจุเพื่อขนส่งได้เมื่ออุปกรณ์ในการแช่แข็งไม่พร้อมมากนัก
คาร์บอนไดออกไซด์ยังใช้สำหรับการผลิตน้ำอัดลมหรือโซดา และยังมีผสมในเบียร์ได้ตามธรรมชาติอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เบียร์บางยี่ห้อได้มีการใส่คาร์บอนไดออกไซด์โดยเจตนาด้วย
หมายเหตุ วันนี้ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากอาจารย์ผู้สอนติดธุระ แต่อาจารย์มอบหมายงานให้นักศึกษาทำงานสื่อวิทยาศาสตร์ลงบล็อก
ของเล่นวิทยาศาสตร์คอปเตอร์จากไม้ไอศครีมวัสดุอุปกรณ์1. ไม้ไอศครีม
2. หลอดชาไข่มุก3. ไม้เสียบลูกชิ้น4.เชือกเส้นเล็ก5. กาวยูฮู6. กรรไกรวิธีทำ1. นำไม้ไอศครีมมาเจาะรูตรงกลาง2. นำไม้เสียบลูกชิ้นเสียบตรงกลางรูของไม้ไอศรีม ยึดให้แน่นด้วยกาวยูฮู รอให้แห้ง3. นำหลอดชาไข่มุกมาเจาะเป็นรูเล็กๆ สำหรับใส่เชือก4. นำหลอดชาไข่มุกอีก 1 อันมาตัดออกประมาณ 1 เซนติเมตร5. นำเชือกมามัดหลอด ปลายเชือกอีกด้านหนึ่งมาผูกกับแกนของใบพัด (ใบเสียบลูกชิ้น)นำแกนใบพัดสอดเข้าไปในหลอดวิธีเล่น1. จับแกนใบพัด จากนั้นหมุนแกนใบพัดไปข้างซ้ายหรือขวาก็ได้ ถ้าสมมุติว่าเราหมุนใบพัดไปทางขวาก็หมุนไปทางขวาตลอด ไม่หมุนวนไปมาเพราะจะทำให้เชือกพันกัน2. เมื่อหมุนเชือกแล้วจับที่แกนใบพัด ดึงเชือกออก ใบพัดก็จะหมุน เมื่อใบพัดหยุดหมุนก็หมุนใบพัดเช่นเดิมเหมือนที่กล่าวไว้ขางต้นหลักการและเหตุผลการจับปลายเชือกด้านที่อิสระ แล้วหมุนใบพัดเชือกส่วนที่เหลือก็จะหมุนรอบแกนหมุน จากนั้นกระตุกหรือดึงปลายเชือก ให้ส่วนที่แกนหมุนเริ่มหมุนคลายเชือกที่พันไว้นั้น ด้วยความเฉื่อยของการหมุนดังกล่าว สามารถทำให้ใบพัดเคลื่อนที่หมุนออกจนสุดระยะเชือกที่พัน
วัสดุ/อุปกรณ์ เจาะไม้ไอติมตรงกึ่งกลาง หมุนไม้ไอติมไปด้านเดียวกัน เพื่อให้ด้ายพันกับแกนของไม้ที่อยู่ข้างใน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น